พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/63/95 96 97      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            ให้ทำยิ่งๆ  ขึ้นไป  ฉันใด  ดูกรพราหมณ์ฉันนั้นเหมือนกันแล  ตถาคตได้บุรุษที่ควรฝึกแล้ว
เริ่มต้น  ย่อมแนะนำอย่างนี้ว่าดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงเป็นผู้มีศีล  สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร
 ถึงพร้อมด้วย  อาจาระและโคจรอยู่  จงเป็นผู้เห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย  สมาทานศึกษาใน
สิกขาบททั้งหลายเถิด  ฯ
 [๙๕]  ดูกรพราหมณ์  ในเมื่อภิกษุเป็นผู้มีศีล  สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร  ถึงพร้อมด้วย
อาจาระและโคจรอยู่  เป็นผู้เห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย  สมาทาน  ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายแล้ว
ตถาคตย่อมแนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า  ดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์
ทั้งหลาย  เธอเห็นรูปด้วยจักษุแล้วจงอย่าถือเอาโดยนิมิต  อย่าถือเอาโดยอนุพยัญชนะ  จง
ปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์อันมีการเห็นรูปเป็นเหตุ  ซึ่งบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่  พึงถูกอกุศล
ธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้  จงรักษาจักขุนทรีย์  ถึงความสำรวมใน
จักขุนทรีย์เถิดเธอได้ยินเสียงด้วยโสตแล้ว  ...  เธอดมกลิ่นด้วยฆานะแล้ว  ...  เธอลิ้มรสด้วยชิวหา
แล้ว  ...  เธอถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว  ...  เธอรู้ธรรมารมณ์ด้วยมโน  แล้ว  จงอย่าถือเอาโดยนิมิต
อย่าถือเอาโดยอนุพยัญชนะ  จงปฏิบัติเพื่อสำรวม  มนินทรีย์อันมีการรู้ธรรมารมณ์เป็นเหตุ  ซึ่งบุคคล
ผู้ไม่สำรวมอยู่  พึงถูกอกุศลธรรม  อันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้  จงรักษามนินทรีย์
 ถึงความสำรวมในมนินทรีย์เถิด  ฯ
 [๙๖]  ดูกรพราหมณ์  ในเมื่อภิกษุเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายได้ตถาคตย่อม
แนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า  ดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ  คือ  พึงบริโภค
อาหาร  พิจารณาโดยแยบคายว่า  เราบริโภคมิใช่เพื่อจะเล่น  มิใช่เพื่อจะมัวเมา  มิใช่เพื่อจะ
ตบแต่งร่างกายเลยบริโภคเพียงเพื่อร่างกายดำรงอยู่  เพื่อให้ชีวิตเป็นไป  เพื่อบรรเทาความ
ลำบากเพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์เท่านั้น  ด้วยอุบายนี้  เราจะป้องกันเวทนาเก่า  ไม่ให้เวทนา
ใหม่เกิดขึ้น  และความเป็นไปแห่งชีวิต  ความไม่มีโทษ  ความอยู่สบายจักมีแก่เรา  ฯ
 [๙๗]  ดูกรพราหมณ์  ในเมื่อภิกษุเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะได้  ตถาคต  ย่อมแนะนำ
เธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า  ดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงเป็นผู้ประกอบเนืองๆ  ซึ่งความเป็นผู้ตื่นอยู่  คือ