พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/63/164
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
มโนโมเนยยะ เป็นไฉน? การละมโนทุจริต ๓ อย่าง เป็นมโนโมเนยยะ มโนสุจริต ๓
อย่าง เป็นมโนโมเนยยะ ญาณมีจิตเป็นอารมณ์ เป็นมโนโมเนยยะ การกำหนดรู้จิต เป็น
มโนโมเนยยะ มรรคอันสหรคตด้วยความกำหนดรู้ เป็นมโนโมเนยยะ การละฉันทราคะในจิต
ความดับจิตสังขาร ความเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ นี้ชื่อว่า มโนโมเนยยะ.
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงมุนี ผู้เป็นมุนีโดยกาย เป็นมุนีโดย
วาจา เป็นมุนีโดยใจ ผู้ไม่มีอาสวะถึงพร้อมด้วยความเป็น
มุนีว่า เป็นผู้ละอกุศลธรรมทั้งปวง. บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึง
มุนี ผู้เป็นมุนีโดยกาย เป็นมุนีโดยวาจา เป็นมุนีโดยใจ
ผู้ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยความเป็นมุนีว่า เป็นผู้มีบาปอัน
ลอยแล้ว.
มุนีผู้ประกอบด้วยธรรมอันทำให้เป็นมุนีเหล่านี้ เป็นมุนี ๖ จำพวก คือ เป็นอาคารมุนี ๑
อนาคารมุนี ๑ เสกขมุนี ๑ อเสกขมุนี ๑ ปัจเจกมุนี ๑ มุนิมุนี ๑. อาคารมุนี เป็นไฉน?
คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน มีบทอันเห็นแล้ว มีศาสนาอันรู้แจ้ง นี้ชื่อว่า อาคารมุนี. อนาคารมุนี
เป็นไฉน? บรรพชิตผู้มีบทอันเห็นแล้ว มีศาสนาอันรู้แจ้งแล้ว นี้ชื่อว่า อนาคารมุนี. พระเสกข
บุคคล ๗ จำพวก ชื่อเสกขมุนี. พระอรหันต์ชื่ออเสกขมุนี. พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า ชื่อปัจเจกมุนี.
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อมุนิมุนี.
บุคคลย่อมไม่เป็นมุนีด้วยความเป็นผู้นิ่ง เป็นผู้หลง มิใช่ผู้รู้
ก็ไม่เป็นมุนี. ส่วนบุคคลใดเป็นบัณฑิต ถือธรรมอันประเสริฐ
เหมือนบุคคลประคองตราชั่ง ย่อมละเว้นบาปทั้งหลาย
บุคคลนั้นเป็นมุนี โดยเหตุนั้น บุคคลนั้นเป็นมุนี. บุคคล
ใด รู้จักโลกทั้ง ๒ บุคคลนั้นท่านเรียกว่าเป็นมุนี โดยเหตุนั้น.
บุคคลใด รู้ธรรมของอสัตบุรุษและธรรมของสัตบุรุษในโลก
ทั้งปวง ทั้งในภายในทั้งในภายนอก อันเทวดาและมนุษย์
ทั้งหลายบูชาแล้ว บุคคลนั้นล่วงแล้วซึ่งราคาทิธรรมเป็น
เครื่องข้อง และตัณหาดังว่าข่าย ชื่อว่าเป็นมุนี.