พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/64/98 99 100      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            จงชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณียธรรม  ด้วยการเดินจงกรมและการนั่งตลอดวัน  จงชำระจิตให้
บริสุทธิ์จากอาวรณียธรรม  ด้วยการเดิน  จงกรมและการนั่งตลอดปฐมยามแห่งราตรี  พึงเอาเท้า
ซ้อนเท้า  มีสติรู้สึกตัวทำความสำคัญว่า  จะลุกขึ้น  ไว้ในใจแล้วสำเร็จสีหไสยาโดยข้างเบื้องขวา
ตลอด  มัชฌิมยามแห่งราตรี  จงลุกขึ้นชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณียธรรม  ด้วยการเดินจงกรม
และการนั่งตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรีเถิด  ฯ
 [๙๘]  ดูกรพราหมณ์  ในเมื่อภิกษุเป็นผู้ประกอบเนืองๆ  ซึ่งความเป็นผู้  ตื่นอยู่ได้  ตถาคต
ย่อมแนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า  ดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ  คือ
ทำความรู้สึกตัวในเวลาก้าวไปและถอยกลับในเวลาแลดูและเหลียวดู  ในเวลางอแขนและ
เหยียดแขน  ในเวลาทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร  ในเวลาฉัน  ดื่ม  เคี้ยว  และลิ้มรส  ใน
เวลาถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ  ในเวลาเดิน  ยืน  นั่ง  นอนหลับ  ตื่น  พูด  และนิ่งเถิด  ฯ
 [๙๙]  ดูกรพราหมณ์  ในเมื่อภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะได้  ตถาคตย่อม
แนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า  ดูกรภิกษุ  มาเถิด  เธอจงพอใจเสนาสนะอันสงัด  คือ  ป่า  โคนไม้
ภูเขา  ซอกเขา  ถ้ำ  ป่าช้า  ป่าชัฏ  ที่แจ้ง  และลอมฟาง  เธอกลับจากบิณฑบาตภายหลังเวลา
อาหารแล้ว  นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง  ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า  ละอภิชฌาในโลกแล้ว  มีใจปราศจาก
อภิชฌาอยู่  ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอภิชฌาได้ละความชั่วคือพยาบาทแล้ว  เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท
อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่  ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความชั่วคือ
พยาบาทได้  ละถีนมิทธะแล้ว  เป็นผู้มีจิตปราศจากถีนมิทธะ  มีอาโลกสัญญา  มีสติสัมปชัญญะ
อยู่ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้  ละอุทธัจจกุกกุจจะแล้ว  เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน  มีจิตสงบ
ภายในอยู่  ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะได้  ละวิจิกิจฉาแล้ว  เป็นผู้ข้ามความสงสัย
ไม่มีปัญหาอะไรในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่  ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉาได้  ฯ
 [๑๐๐]  เธอครั้นละนิวรณ์  ๕  ประการ  อันเป็นเครื่องทำใจให้เศร้าหมองทำปัญญาให้ถ้อยกำลัง
นี้ได้แล้ว  จึงสงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม  เข้าปฐมฌาน  มีวิตก  มีวิจาร  มีปีติและสุขเกิดแต่
วิเวกอยู่  เข้าทุติยฌาน  มีความ  ผ่องใสแห่งใจภายใน  มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น  เพราะ
สงบวิตกและวิจารไม่มีวิตก  ไม่มีวิจาร  มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่  เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่าย