พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/64/165 166 167 168
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า สาธุ วิยากโรหิ ความว่า ขอพระองค์ทรงตรัสบอก คือ ทรงแสดง ... ทรง
ประกาศด้วยดี เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระองค์เป็นพระมุนี ขอทรงโปรดแก้ปัญหานั้นของ
ข้าพระองค์ด้วยดี.
[๑๖๕] คำว่า ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธมฺโม ความว่า จริงอย่างนั้น ธรรมนั้น
อันพระองค์ทรงทราบแล้ว คือ ทรงรู้แล้ว ทรงเทียบเคียงแล้ว ทรงพิจารณาแล้ว ทรงให้เจริญแล้ว
ทรงแจ่มแจ้งแล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า จริงอย่างนั้น ธรรมนี้อันพระองค์ทรงทราบแล้ว.
เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
ข้าพระองค์ได้ทูลถามแล้วซึ่งปัญหาใด พระองค์ได้ตรัสบอก
ปัญหานั้นแล้วแก่ข้าพระองค์. ข้าพระองค์ทั้งหลายจงขอทูล
ถามปัญหาข้ออื่น. ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้น.
ธีรชนทั้งหลายย่อมข้ามซึ่งโอฆะ ชาติ ชรา โสกะ และ
ปริเทวะได้อย่างไรหนอ? พระองค์เป็นพระมุนี ขอทรงโปรด
แก้ปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยดี. แท้จริง ธรรมนั้น
อันพระองค์ทรงทราบแล้ว.
[๑๖๖] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรเมตตคู)
เราจักบอกธรรมในธรรมที่เราเห็นแล้ว อันประจักษ์แก่ตน
ที่บุคคลทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอัน
เกาะเกี่ยวในอารมณ์ต่างๆ ในโลกแก่ท่าน.
[๑๖๗] คำว่า เราจักบอกธรรม ... แก่ท่าน ความว่า เราจักบอก ... ประกาศซึ่งพรหมจรรย์
อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์
บริบูรณ์สิ้นเชิง และสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕
โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ นิพพาน และปฏิปทาอันให้ถึงนิพพาน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
เราจักบอกธรรมแก่ท่าน. พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า เมตตคู.
[๑๖๘] คำว่า ทิฏเฐ ธมฺเม ในอุเทศว่า "ทิฏเฐ ธมฺเม อนีติหํ" ดังนี้ ความว่า
ในธรรมที่เราเห็น รู้ เทียบเคียง พิจารณา ให้เจริญแล้ว ปรากฎแล้ว คือ ในธรรมอันเราเห็นแล้ว ...