พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/66/171 172

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 66
ชื่อว่า วิสัตติกา ในคำว่า วิสตฺติกา เพราะอรรถว่ากระไร? เพราะอรรถว่า แผ่ไป เพราะอรรถว่า กว้างขวาง เพราะอรรถว่า ซ่านไป เพราะอรรถว่า ครอบงำ เพราะอรรถว่า นำไปผิด เพราะอรรถว่า ให้กล่าวผิด เพราะอรรถว่า มีรากเป็นพิษ เพราะอรรถว่า มีผลเป็นพิษ เพราะ อรรถว่า มีการบริโภคเป็นพิษ. อนึ่ง ตัณหานั้นกว้างขวาง ซ่านไป แผ่ซ่านไปใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สกุล คณะ อาวาส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย เภสัชบริขาร กามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ กามภพ รูปภพ อรูปภพ สัญญาภพ อสัญญาภพ เนวสัญญานาสัญญาภพ เอกโวการภพ จตุโวการภพ ปัญจโวการภพ อดีตกาล อนาคตกาล ปัจจุบันกาล ธรรม คือ รูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ได้ทราบ และธรรมที่รู้แจ้ง เพราะ เหตุนั้น จึงชื่อว่า วิสัตติกา. คำว่า โลก คือในอบายโลก มนุษยโลก เทวโลก ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก. คำว่า ตเร โลเก วิสตฺติกํ ความว่า บุคคลนั้นเป็นผู้มีสติ พึงข้าม คือ ข้ามขึ้น ข้ามพ้น ก้าวล่วง เป็นไปล่วง ซึ่งตัณหาอันเกาะเกี่ยวในอารมณ์ต่างๆ ในโลก เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงข้ามตัณหาอันเกาะเกี่ยวในอารมณ์ต่างๆ ในโลก. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า เราจักบอกธรรมในธรรมที่เราเห็นแล้ว อันประจักษ์แก่ตน ที่บุคคลทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอัน เกาะเกี่ยวในอารมณ์ต่างๆ ในโลก แก่ท่าน.
[๑๗๑] ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ข้าพระองค์ชอบใจ พระดำรัสของพระองค์นั้น และธรรมอันสูงสุดที่บุคคลทราบ แล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันเกาะเกี่ยวใน อารมณ์ต่างๆ ในโลกได้.
[๑๗๒] คำว่า ตํ ในอุเทศว่า "ตญฺจาหํ อภินนฺทามิ" ความว่า ซึ่งพระดำรัส คือ ทางแห่งถ้อยคำ เทศนา อนุสนธิ ของพระองค์.