พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/7/8      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
      
     
 
    
        
          
            พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมา โดยเหตุที่
มิคารเศรษฐีผู้เป็นหลานโรหณเศรษฐี เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากถึงเพียงนี้ พระ
ผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอุคคะ ก็มิคารเศรษฐีหลานโรหณเศรษฐี มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มี
โภคสมบัติมากสักเท่าไร ฯ
      อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีทองแสนลิ่ม จะกล่าวไปไยถึงเงิน ฯ
      พ. ดูกรอุคคะ ทรัพย์นั้นมีอยู่แล เรามิได้กล่าวว่าไม่มี แต่ทรัพย์นั้นแล  เป็นของทั่วไป
แก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก ดูกรอุคคะทรัพย์ ๗ ประการนี้แล ไม่ทั่วไป
แก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก ๗ ประการเป็นไฉน คือ ทรัพย์คือ ศรัทธา ๑
ศีล ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑สุตะ ๑ จาคะ ๑ ปัญญา ๑ ดูกรอุคคะ ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล
ไม่ทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก ฯ
         ทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ  สุตะ จาคะ
         และปัญญาเป็นที่ ๗ ทรัพย์เหล่านี้มีแก่ผู้ใด เป็นหญิงหรือ ชายก็
         ตาม เป็นผู้มีทรัพย์มากในโลก อันอะไรๆ พึงผจญ
         ไม่ได้ในเทวดาและมนุษย์ เพราะฉะนั้น ท่านผู้มีปัญญา เมื่อ
         ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบศรัทธา
         ศีล ความเลื่อมใส และการเห็นธรรม ฯ
                         จบสูตรที่  ๗
                         สังโยชนสูตร
 [๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์ ๗ ประการนี้  ๗ ประการเป็นไฉน คือ สังโยชน์
คือ ความยินดี ๑ ความยินร้าย ๑ ความเห็นผิด ๑ ความสงสัย ๑ มานะ ๑ ความกำหนัดใน
ภพ ๑ อวิชชา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์ ๗ ประการนี้แล ฯ
                          จบสูตรที่ ๘