พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/71/67      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
      
     
 
    
        
          
            แต่โมหะบ้างมีความคับแค้น ให้ทุกข์ต่อไป สัตว์
ทั้งหลายอันอวิชชาหุ้ม   ห่อแล้ว เป็นผู้มืดมน ไม่มีจักษุ
พวกเขาย่อมไม่สำคัญ   ว่าเราเป็นผู้มีสภาพเหมือนธรรม ๓
ทั้งหลาย ฯ
  			     จบสูตรที่ ๖
                 อหิสูตร
 [๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน  อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งในกรุงสาวัตถีถูกงูกัด
 ทำกาละแล้ว ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมากพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
แล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ภิกษุรูปหนึ่งในเมืองสาวัตถีนี้ถูกงูกัด ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนั้นชะรอยจะไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปยังสกุลพญางูทั้ง ๔ เป็นแน่ ก็ถ้าเธอพึงแผ่เมตตาจิตไปยัง
สกุลพญางูทั้ง ๔ ไซร้ ก็ถ้าเธอพึงแผ่เมตตาจิตไปยังสกุลพญางูทั้ง ๔ ไซร้  เธอก็ไม่พึงถูกงูกัดทำ
กาละ ตระกูลพญางู ๔เป็นไฉน คือ ตระกูลพญางูชื่อวิรูปักข์ ๑ ตระกูลพญางูชื่อเอราปถะ ๑
ตระกูลพญางูชื่อฉัพยาปุตตะ ๑ ตระกูลพญางูชื่อกัณหาโคตมกะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุนั้น
ชะรอยจะไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปยังสกุลพญางู ๔ จำพวกนี้เป็นแน่ ก็ถ้าเธอพึงแผ่เมตตาไปยังตระกูล
พญางูทั้ง ๔ นี้ไซร้ เธอก็ไม่พึงถูกงูกัดทำกาละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุแผ่เมตตาจิต
ไปยังตระกูลพญางู ๔ จำพวกนี้เพื่อคุ้มครองตน เพื่อรักษาตน เพื่อป้องกันตน ฯ
          ความเป็นมิตร ของเรา จงมีกับ สกุลพญางู ทั้งหลาย ชื่อวิรูปักข์
          ความเป็นมิตรของเราจงมีกับ สกุลพญางู ทั้งหลาย
ชื่อเอราปถะ ความเป็นมิตร ของเราจงมีกับ สกุลพญางู
ทั้งหลายชื่อฉัพยา    ปุตตะ ความเป็นมิตรของเราจงมีกับ
สกุลพญางูทั้งหลายชื่อ กัณหาโคตมกะ ความเป็นมิตรของ
เราจงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่ ไม่มีเท้า ความเป็นมิตรของเรา
จงมีกับสัตว์จำพวก ๒ เท้า ความเป็นมิตรของเราจงมีกับ