พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/71/64 65

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
เล่ม 22
หน้า 71
ย่อมเจริญด้วยสุตะ ย่อมเจริญด้วยจาคะ ย่อมเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก ผู้เจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญ ๕ ประการนี้แล ชื่อว่าย่อมเจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญอย่าง ประเสริฐชื่อว่าเป็นผู้ยึดถือสาระ และยึดถือสิ่งประเสริฐแห่งกาย ฯ อริยสาวกผู้ใด ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา ทั้งสองฝ่าย อริยสาวกผู้เช่นนั้น เป็นสัปบุรุษ มีปรีชาเห็นประจักษ์ ชื่อ ว่าย่อมยึดถือสาระแห่งตนในโลกนี้ไว้ได้ทีเดียว ฯ จบสูตรที่ ๓ ๔. วัฑฒิสูตรที่ ๒
[๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวิกาผู้เจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญ ๕ ประการ ชื่อ ว่าย่อมเจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญอย่างประเสริฐ ชื่อว่าเป็นผู้ยึดถือสาระ และยึดถือสิ่งประเสริฐ แห่งกาย ธรรมเป็นเหตุเจริญ ๕ ประการเป็นไฉนคือ ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ย่อมเจริญด้วยศีล ย่อมเจริญด้วยสุตะ ย่อมเจริญด้วยจาคะ ย่อมเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวิกา ผู้เจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญ ๕ ประการนี้แล ชื่อว่าย่อมเจริญด้วยธรรมเป็นเหตุเจริญอย่าง ประเสริฐ ชื่อว่าเป็นผู้ยึดถือสาระ และยึดถือสิ่งประเสริฐแห่งกาย ฯ อริยสาวิกาผู้ใด ย่อมเจริญด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา ทั้งสองฝ่าย อริยสาวิกาผู้เช่นนั้น เป็นผู้มีศีล เป็นอุบาสิกา ชื่อว่าย่อมยึด ถือสาระแห่งตนในโลกนี้ไว้ได้ทีเดียว ฯ จบสูตรที่ ๔ ๕. สากัจฉสูตร
[๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรสนทนา ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรม