พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/71/182 183
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ความประกอบเนืองๆ ใดในกุศลธรรมนั้นว่า เมื่อไรเราพึงกำหนดรู้ทุกข์ที่ยังไม่กำหนดรู้ เราพึง
ละกิเลสทั้งหลายที่ยังไม่ได้ละ เราพึงเจริญมรรคที่ยังไม่เจริญ หรือเราพึงทำให้แจ้งซึ่งนิโรธที่ยัง
ไม่ทำให้แจ้ง ความพอใจเป็นต้นนั้น ชื่อว่าความไม่ประมาทในกุศลธรรม เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ เป็นผู้มีสติไม่ประมาท.
[๑๘๒] ภิกษุเป็นกัลยาณปุถุชนก็ดี ภิกษุเป็นพระเสขะก็ดี ชื่อว่า ภิกษุ ในอุเทศว่า
"ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ" ดังนี้.
คำว่า จรํ ความว่า เที่ยวไป คือ เที่ยวไปทั่ว ... เยียวยา.
ความยึดถือว่าของเรามี ๒ อย่าง คือ ความยึดถือว่าของเรา ด้วยอำนาจตัณหา ๑ ความ
ยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑ ฯลฯ นี้ชื่อว่า ความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจตัณหา ฯลฯ นี้ชื่อว่า
ความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจทิฏฐิ ชื่อว่าความยึดถือว่าของเรา. ละความยึดถือว่าของเราด้วย
อำนาจตัณหา สละคืนความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจทิฏฐิ ละ สละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด
ให้ถึงความไม่มีซึ่งความยึดถือว่าของเราทั้งหลาย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ภิกษุ ... ละแล้วซึ่งความ
ยึดถือว่าของเราทั้งหลายเที่ยวไป.
[๑๘๓] ความเกิด ความเกิดพร้อม ... ความได้เฉพาะซึ่งอายตนะทั้งหลายในหมู่สัตว์
นั้นๆ แห่งสัตว์เหล่านั้นๆ ชื่อว่าชาติ ในอุเทศว่า "ชาติชฺชรํ โสกปริทฺเทวญฺจ อิเมว วิทฺวา
ปชฺชเหยฺย ทุกขํ" ดังนี้. ความแก่ ความเสื่อม ... ความแก่รอบแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ชื่อว่าชรา.
ความโศก กิริยาที่โศก ... หรือของคนที่ถูกเหตุแห่งทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งกระทบเข้า ชื่อว่า
ความโศก. ความร้องไห้ ความรำพัน ... หรือของคนที่ถูกเหตุแห่งทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งกระทบเข้า
ชื่อว่า ปริเทวะ.
คำว่า อิธ ความว่า ในทิฏฐินี้ ฯลฯ ในมนุษยโลกนี้.
คำว่า วิทฺวา ความว่า ผู้รู้แจ้ง คือถือความรู้แจ้ง มีญาณ มีความแจ่มแจ้ง เป็น
นักปราชญ์. ชาติทุกข์ ฯลฯ ทุกข์คือโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ชื่อว่าทุกข์.
คำว่า ชาติชฺชรํ โสกปริทฺเทวญฺจ อิเธว วิทฺวา ปชฺชเหยย ทุกฺขํ ความว่า ผู้รู้แจ้ง
คือ ถึงความรู้แจ้ง มีญาณ มีความแจ่มแจ้ง เป็นปราชญ์ พึงละ คือ พึงบรรเทา ทำให้สิ้นสุด
ให้ถึงความไม่มีซึ่งชาติ ชรา ความโศก และความร่ำไรในอัตภาพนี้เทียว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า