พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/72/184 185 186 187
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ผู้รู้แจ้งพึงละชาติ ชรา ความโศก และความร่ำไรอันเป็นทุกข์ในอัตภาพนี้เทียว. เพราะฉะนั้น
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ภิกษุผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท มีความรู้แจ้ง
ละความยึดถือว่าเป็นของเรา แล้วเที่ยวไป พึงละชาติ ชรา
ความโศกและความรำพันอันเป็นทุกข์ในอัตภาพนี้เสียทีเดียว.
[๑๘๔] ข้าแต่พระโคดม ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัส ของพระองค์
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมไม่มีอุปธิ.
พระผู้มีพระภาคทรงละทุกข์ได้แล้วเป็นแน่.จริงอย่างนั้น ธรรม
นั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว.
[๑๘๕] คำว่า เอตํ ในอุเทศว่า "เอตาภินนฺทามิ วโจ มเหสิโน" ดังนี้ ความว่า
ถ้อยคำ ทางถ้อยคำ เทศนา อนุสนธิของพระองค์.
คำว่า อภินนฺทามิ ความว่า ย่อมยินดี คือ ชอบใจ เบิกบาน อนุโมทนา ปรารถนา
พอใจ ขอประสงค์ รักใคร่ ติดใจ.
คำว่า มเหสิโน ความว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสวงหา เสาะหา ค้นหาศีลขันธ์ใหญ่ ฯลฯ
พระนราศภประทับที่ไหน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัสของพระองค์
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่.
[๑๘๖] คำว่า สุกิตฺติตํ ในอุเทศว่า "สุกิตฺติตํ โคตม นูปธีกํ" ดังนี้ ความว่า
อันพระองค์ตรัสแล้ว คือ ตรัสบอก ... ทรงประกาศแล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ตรัสดีแล้ว.
กิเลสทั้งหลายก็ดี ขันธ์ก็ดี อภิสังขารก็ดี ท่านกล่าวว่า อุปธิ ในอุเทศว่า "โคตม
นูปธีกํ" เป็นธรรมที่ละอุปธิ คือ เป็นที่สงบอุปธิ ที่สละคืนอุปธิ ที่ระงับอุปธิ อมตนิพพาน
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระโคตม ... ตรัสดีแล้ว เป็นธรรมไม่มีอุปธิ.
[๑๘๗] คำว่า อทฺธา ในอุเทศว่า "อทฺธา หิ ภควา ปหาสิ ทุกขํ" ดังนี้ เป็น
เครื่องกล่าวโดยส่วนเดียว เป็นเครื่องกล่าวโดยไม่มีความสงสัย เป็นเครื่องกล่าวโดยไม่มีความ
เคลือบแคลง เป็นเครื่องกล่าวโดยไม่เป็นสองแง่ เป็นเครื่องกล่าวแน่นอน เป็นเครื่องกล่าวไม่ผิด
คำว่า อทฺธา นี้ เป็นเครื่องกล่าวแน่แท้. คำว่า ภควา นี้ เป็นเครื่องกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ คำว่า
ภวคา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ.