พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/73/188 189 190 191
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า ปหาสิ ทุกขํ ความว่า พระองค์ทรงละ คือ ทรงละขาด ทรงบรรเทา ทรงทำ
ให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มี ซึ่งชาติทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ ทุกข์คือความโศก ความรำพัน
ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคทรง
ละทุกข์ได้แล้วเป็นแน่.
[๑๘๘] คำว่า จริงอย่างนั้น ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว ความว่า จริงอย่างนั้น
ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบ คือ ทรงรู้ ทรงเทียบเคียง ทรงพิจารณา ทรงให้แจ่มแจ้ง
ปรากฎแล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า จริงอย่างนั้น ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว. เพราะ
ฉะนั้น พราหมณ์นั้นจึงกล่าวว่า
ข้าแต่พระโคตม ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัสของพระองค์
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมไม่มี
อุปธิ. พระผู้มีพระภาคทรงละทุกข์ได้แล้วเป็นแน่. จริง
อย่างนั้น ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว.
[๑๘๙] พระองค์เป็นพระมุนีตรัสสอนชนเหล่าใดบ่อยๆ ก็ชนแม้
เหล่านั้นพึงละทุกข์ได้เป็นแน่. ข้าพระองค์มาพบแล้วซึ่ง
พระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐ จักขอนมัสการพระองค์. ขอ
พระผู้มีพระภาคพึงตรัสสอนข้าพระองค์บ่อยๆ บ้าง.
[๑๙๐] คำว่า เต จาปิ ในอุเทศว่า "เต จาปิ นูน ปชเหยฺยุํ ทุกฺขํ" ดังนี้ คือ
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร์ คฤหัสถ์ บรรพชิต เทวดา มนุษย์ พึงละได้.
คำว่า ทุกฺขํ ความว่า พึงลง คือ พึงบรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีซึ่ง
ชาติทุกข์ ... ความคับแค้นใจ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ก็แม้ชนเหล่านั้นพึงละทุกข์ได้เป็นแน่.
[๑๙๑] คำว่า เย ในอุเทศว่า "เย ตฺวํ มุนี อฏฺฐิตํ โอวเทยฺย" ดังนี้ คือ กษัตริย์
พราหมณ์ แพศย์ ศูทร์ คฤหัสถ์ บรรพชิต เทวดา มนุษย์ เมตตคูพราหมณ์ย่อมกล่าวกับ
พระผุ้มีพระภาคว่า ตฺวํ.
ญาณ เรียกว่า โมนะ ในคำว่า มุนี ฯลฯ บุคคลนั้นล่วงแล้วซึ่งราคาทิธรรมเป็น
เครื่องข้อง และตัณหาเป็นดังว่าข่าย ย่อมเป็นมุนี.