พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/75/135
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ถึงเสียงเป็นนิมิตที่รัก ก็มีจิตกำหนัดเสวยอารมณ์นั้น ทั้งมีความติด
ใจในอารมณ์นั้นตั้งอยู่ มีเวทนาอันมีเสียงเป็นแดนเกิดเป็นอเนกทวี
ขึ้น และมีจิตอันอภิชฌาและวิหิงสาเข้าไปกระทบ เมื่อสั่งสมทุกข์
อย่างนี้ บัณฑิตกล่าวว่า ห่างไกลนิพพาน สติหลงไปแล้วเพราะได้
ดมกลิ่น บุคคลเมื่อใส่ใจถึงกลิ่นเป็นนิมิตที่รัก ก็มีจิตกำหนัดเสวย
อารมณ์นั้น ทั้งมีความติดใจอารมณ์นั้นตั้งอยู่ มีเวทนาอันมีกลิ่นเป็น
แดนเกิดเป็นอเนกทวีขึ้นและมีจิตอันอภิชฌาและวิหิงสาเข้าไปกระทบ
เมื่อสั่งสมทุกข์อยู่อย่างนี้ บัณฑิตกล่าวว่า ห่างไกลนิพพาน สติหลง
ไปแล้วเพราะลิ้มรส บุคคลเมื่อใส่ใจถึงรสเป็นนิมิตที่รัก ก็มีจิตกำหนัด
เสวยอารมณ์นั้น ทั้งมีความติดใจในอารมณ์นั้นตั้งอยู่มีเวทนาอัน
มีรสเป็นแดนเกิดเป็นอเนกทวีขึ้น และมีจิตอันอภิชฌาและวิหิงสาเข้า
ไปกระทบ เมื่อสั่งสมทุกข์อยู่อย่างนี้บัณฑิตกล่าวว่า ห่างไกลนิพพาน
สติหลงไปแล้ว เพราะถูกต้องโผฏฐัพพะ บุคคลเมื่อใส่ใจถึงโผฏฐัพพะ
เป็นนิมิตที่รัก ก็มีจิตกำหนัดเสวยอารมณ์นั้น ทั้งมีความติดใจในอารมณ์
นั้นตั้งอยู่ มีเวทนาอันมีโผฏฐัพพะเป็นแดนเกิดเป็นอเนกทวีขึ้น และ
มีจิตอันอภิชฌาและวิหิงสาเข้าไปกระทบ เมื่อสั่งสมทุกข์อยู่อย่างนี้
บัณฑิตกล่าวว่า ห่างไกลนิพพานสติหลงไปแล้วเพราะรู้ธรรมารมณ์
บุคคลเมื่อใส่ใจถึงธรรมารมณ์เป็นนิมิตที่รัก ก็มีจิตกำหนัดเสวยอารมณ์
นั้นทั้งมีความติดใจในอารมณ์นั้นตั้งอยู่ มีเวทนาอันมีธรรมารมณ์เป็น
แดนเกิดเป็นอเนกทวีขึ้น และมีจิตอันอภิชฌาและวิหิงสาเข้าไปกระทบ
เมื่อสั่งสมทุกข์อยู่อย่างนี้ บัณฑิตกล่าวว่าห่างไกลนิพพาน ฯ
[๑๓๕] บุคคลนั้นเห็นรูปแล้ว มีสติไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย มีจิต
คลายกำหนัดเสวยอารมณ์นั้น ทั้งไม่มีความติดใจอารมณ์นั้นตั้งอยู่
บุคคลนั้นเมื่อเห็นรูปและเสวยเวทนาอยู่ ทุกข์สิ้นไปและไม่สั่งสมทุกข์
ฉันใด บุคคลนั้นเป็นผู้มีสติเที่ยวไปฉันนั้น เมื่อไม่สั่งสมทุกข์อยู่อย่างนี้