พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/78/198

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 78
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เป็นผู้ข้ามแล้ว. อมตนิพพาน ความสงบสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความสำรอกตัณหา ความดับตัณหา ความออกจากตัณหาเป็นเครื่องร้อยรัด ตรัสว่าฝั่ง ในบทว่า ปารํ ดังนี้. ผู้นั้นถึงแล้วซึ่งฝั่ง คือ บรรลุถึงฝั่ง ไปสู่ส่วนสุด ถึงส่วนสุด ไปสู่ที่สุด ถึงที่สุด ไปสู่ส่วนสุดรอบ ถึงส่วนสุดรอบ ไปสู่ที่จบ ถึงที่จบ ไปสู่ที่ต้านทาน ถึงที่ต้านทาน ไปสู่ ที่เร้น ถึงที่เร้น ไปสู่ที่พึ่ง ถึงที่พึ่ง ไปสู่ที่ไม่มีภัย ถึงที่ไม่มีภัย ไปสู่ที่ไม่เคลื่อน ถึงที่ไม่เคลื่อน ไปสู่อมตะ ถึงอมตะ ไปสู่นิพพาน ถึงนิพพาน. ผู้นั้นมีพรหมจรรย์อันเป็นเครื่องอยู่ อยู่จบแล้ว มีจรณะประพฤติแล้ว ฯลฯ ไม่มีสงสาร คือ ชาติ ชราและมรณะ ไม่มีภพใหม่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เป็นผู้ข้ามแล้ว ถึงฝั่ง. คำว่า ไม่มีเสาเขื่อน คือ ราคะเป็นเสาเขื่อน โทสะเป็นเสาเขื่อน โมหะเป็นเสาเขื่อน ความโกรธเป็นเสาเขื่อน ความผูกโกรธเป็นเสาเขื่อน ฯลฯ อกุสลาภิสังขารทั้งปวงเป็นเสาเขื่อน. ผู้ใดละเสาเขื่อนเหล่านี้แล้ว ตัดขาด สงบ ระงับแล้ว ทำไม่ให้อาจเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟ คือญาณ ผู้นั้นตรัสว่า เป็นผู้ไม่มีเสาเขื่อน. คำว่าผู้ไม่มีความสงสัย คือ ความสงสัยในทุกข์ ความสงสัยในทุกขสมุทัย ความ สงสัยในทุกขนิโรธ ความสงสัยในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ความสงสัยในเงื่อนเบื้องต้น ความ สงสัยในเงื่อนเบื้องปลาย ความสงสัยในปฏิจจสมุปันนธรรม คือ ความเป็นปัจจัยแห่งสงขารา ทิธรรมนี้ ความสงสัย กิริยาที่สงสัย ความเป็นผู้สงสัย ความเคลือบแคลง ความไม่ตกลง ความเป็นสองแง่ ความเป็นสองทาง ความลังเล ความไม่ถือเอาโดยส่วนเดียว ความระแวง ความระแวงรอบ ความตัดสินไม่ลง ความมีจิตครั่นคร้าม ความมีใจสนเท่ห์ เห็นปานนี้. ผู้ใด ละความสงสัยเหล่านี้ ... เผาเสียแล้วด้วยไฟ คือ ญาณ ผู้นั้นตรัสว่า เป็นผู้ไม่มีความสงสัย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เป็นผู้ข้ามแล้ว ถึงฝั่ง ไม่มีเสาเขื่อน ไม่มีความสงสัย. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า บุคคลพึงรู้จักผู้ใดว่า เป็นพราหมณ์ ผู้ถึงเวท ไม่มีกิเลสเครื่อง กังวล ไม่ข้องเกี่ยวในกามภพ ผู้นั้นได้ข้ามแล้วซึ่งโอฆะนี้ โดยแท้ และเป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง ไม่มีเสาเขื่อน ไม่มีความ สงสัย.