พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/81/80
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำการค้าขายได้กำไรตามที่ประสงค์ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้บุคคล
บางคนในโลกนี้ ทำการค้าขายได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสารีบุตร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้ว ย่อมปวารณาว่า ขอท่านจงบอกปัจจัยที่
ท่านประสงค์ เขากลับไม่ถวายปัจจัยที่เขาปวารณา ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์
นี้ เขาทำการค้าขายอย่างใดๆ เขาย่อมขาดทุน อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เข้าไปหาสมณะหรือ
พราหมณ์แล้ว ย่อมปวารณาว่า ขอท่านจงบอกปัจจัยที่ท่านประสงค์แต่เขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ไม่
เป็นไปตามประสงค์ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาทำการค้าขายอย่างใดๆ
เขาย่อมไม่ได้กำไรตามที่ประสงค์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้ว
ย่อมปวารณาว่า ขอท่านจงบอกปัจจัยที่ต้องประสงค์ เขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ตามที่ประสงค์ ถ้าเขา
เคลื่อนจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาทำการค้าขายอย่างใดๆ เขาย่อมได้กำไรตามที่
ประสงค์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้ว ปวารณาว่า ขอท่านจง
บอกปัจจัยที่ต้องประสงค์ เขาถวายปัจจัยที่ปวารณาไว้ยิ่งกว่าที่ประสงค์ ถ้าเขาเคลื่อนจากอัตภาพนั้น
มาสู่ความเป็นมนุษย์นี้ เขาทำการค้าขายอย่างใดๆ เขาย่อมได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์ ดูกรสารีบุตร
นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำการค้าขายขาดทุน นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำการค้าขายไม่ได้กำไรตามที่ประสงค์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำการค้าขายได้กำไรตามที่ประสงค์นี้ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้บุคคล
บางคนในโลกนี้ทำการค้าขายได้กำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์ ฯ
จบสูตรที่ ๙
กัมโมชสูตร
[๘๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้ง
นั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัย