พระสุตตันตปิฎกไทย: 9/82/144
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
พ่ออัมพัฏฐะ พ่อจงเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ แล้วจงรู้ว่าเกียรติศัพท์ของ
ท่านพระโคดมพระองค์นั้นที่ขจรไป จริงตามนั้นหรือไม่ ท่านพระโคดมพระองค์นั้น ทรงคุณ
เช่นนั้นจริงหรือไม่ เราทั้งหลายจะได้รู้จักท่านพระโคดมพระองค์นั้นไว้ โดยประการนั้น.
อัมพัฏฐมาณพถามว่า ท่าน ก็ไฉนเล่า ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าเกียรติศัพท์ของท่านพระโคดม
พระองค์นั้นที่ขจรไป จริงอย่างนั้นหรือไม่ ท่านพระโคดมพระองค์นั้นทรงคุณเช่นนั้นจริงหรือไม่?
พราหมณ์โปกขรสาติตอบว่า พ่ออัมพัฏฐะ มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการมาแล้วใน
มนต์ของเรา ซึ่งพระมหาบุรุษประกอบแล้วย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้นไม่เป็นอย่างอื่น ถ้าครองเรือน
จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร
๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว
ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ ๗ พระราชบุตรของ
พระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้
พระองค์ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศาตรา ครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็น
ขอบเขต ถ้าเสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา
คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก
พ่ออัมพัฏฐะ เราเป็นผู้สอนมนต์ พ่อเป็นผู้เรียนมนต์.
อัมพัฏฐมาณพรับคำพราหมณ์โปกขรสาติแล้ว ลุกจากที่นั่ง ไหว้พราหมณ์โปกขรสาติ
กระทำประทักษิณ แล้วขึ้นรถม้าพร้อมด้วยมาณพหลายคน ขับตรงไปยังราวป่าอิจฉานังคลวัน
ตลอดภูมิประเทศเท่าที่รถจะไปได้ ลงจากรถเดินตรงไปยังพระอาราม.
[๑๔๔] สมัยนั้นแล ภิกษุหลายรูปกำลังจงกรมอยู่กลางแจ้ง.
ลำดับนั้น อัมพัฏฐมาณพเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึงที่จงกรม ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้
กะภิกษุเหล่านั้นว่า ท่านผู้เจริญ เวลานี้ท่านพระโคดมพระองค์นั้นประทับอยู่ที่ไหน พวกข้าพเจ้า
พากันเข้ามาที่นี่ เพื่อจะเฝ้าพระองค์ท่าน.
ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นคิดเห็นร่วมกันเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพผู้นี้เป็นคนเกิดในสกุล
ที่มีชื่อเสียง ทั้งเป็นศิษย์ของพราหมณ์โปกขรสาติผู้มีชื่อเสียงอันการสนทนาปราศรัยกับพวก