พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/84/84 85
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ไม่ควรสรรเสริญ ๑ ไม่พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้ว กล่าวติเตียนบุคคลที่
ควรสรรเสริญ ๑ ไม่พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้ว ปลูกความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส ๑
ไม่พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้วปลูกความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วย
ธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในนรก เหมือนถูกนำมาโยนลง ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบ
ด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในสวรรค์ เหมือนถูกเชิญมา ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลพิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้วย่อมติเตียนบุคคลที่ควรติเตียน ๑ พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้ว
ย่อมสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ ๑ พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้ว ปลูกความไม่เลื่อมใสในฐานะ
ที่ไม่ควรเลื่อมใส ๑ พิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้ว ปลูกความเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส ๑ บุคคล
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนถูกเชิญมา ฯ
จบสูตรที่ ๓
โกธสูตร
[๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในนรก
เหมือนถูกนำมาโยนลง ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้หนักในความโกรธ ไม่หนักใน
พระสัทธรรม ๑ เป็นผู้หนักในความลบหลู่ ไม่หนักในพระสัทธรรม ๑ เป็นผู้หนักในลาภ ไม่หนัก
ในพระสัทธรรม ๑ เป็นผู้หนักในสักการะ ไม่หนักในพระสัทธรรม ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม
๔ ประการนี้แลย่อมเกิดในนรก เหมือนถูกนำมาโยนลง ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วย
ธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในสวรรค์ เหมือนถูกเชิญมา ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้
หนักในพระสัทธรรม ไม่หนัก ในความโกรธ ๑ เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในความ
ลบหลู่ ๑ เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในลาภ ๑ เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักใน
สักการะ ๑ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในสวรรค์ เหมือนถูกเชิญมา ฯ
จบสูตรที่ ๔
ตมสูตร
[๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔จำพวกเป็นไฉน
คือ ผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปจำพวก ๑ ผู้มืดมาแล้ว มีสว่างต่อไปจำพวก ๑ ผู้สว่างมาแล้ว มีมืด