พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/87/87
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้สูงมาแล้วสูงต่อไปเป็นอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้
เกิดมาในตระกูลสูง คือ ตระกูลกษัตริย์มหาศาล ฯลฯ เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และ
ด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจาและใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
บุคคลผู้สูงมาแล้วสูงต่อไปอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
จบสูตรที่ ๖
ปุตตสูตร
[๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน
คือ สมณะผู้ไม่หวั่นไหวจำพวก ๑ สมณะบุณฑริกจำพวก ๑สมณะปทุมจำพวก ๑ สมณะผู้ละเอียด
อ่อนในหมู่สมณะจำพวก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นสมณะผู้ไม่หวั่นไหวอย่างไร ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ เป็นพระเสขะ ผู้ดำเนินปฏิปทาปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม เชฏฐโอรส
ของพระมหากษัตริย์ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว จะได้อภิเษก แต่ยังไม่อภิเษกก่อนเป็นผู้ถึงความแน่นอน
ที่จะได้อภิเษก ฉันใด ภิกษุเป็นพระเสขะ ดำเนินปฏิปทาปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลเป็นสมณะ ไม่หวั่นไหวอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นสมณะบุณฑริกอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กระทำ
ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอัน
ยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ แต่หาได้ถูกต้องวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกายไม่ บุคคลเป็นสมณะบุณฑริก
อย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นสมณะปทุมอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้กระทำให้แจ้ง
ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ใน
ปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ และย่อมถูกต้องวิโมกข์ ๘ด้วยนามกาย บุคคลเป็นสมณะปทุมอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นสมณะผู้ละเอียดอ่อนในหมู่สมณะเป็นอย่างไร ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ ได้รับขอร้องจึงบริโภคจีวรเป็นอันมาก ไม่ได้รับขอร้องย่อมบริโภคจีวรน้อย ได้รับ
ขอร้องจึงบริโภคบิณฑบาตเป็นอันมาก ไม่ได้รับขอร้องย่อมบริโภคบิณฑบาตน้อย ได้รับขอร้องจึง
บริโภคเสนาสนะเป็นอันมากไม่ได้รับขอร้องย่อมบริโภคเสนาสนะน้อย ได้รับขอร้องจึงบริโภคเภสัช
บริขารอันเป็นปัจจัยแก่คนไข้เป็นอันมาก ไม่ได้รับขอร้องย่อมบริโภคแต่น้อยและย่อมอยู่กับ