พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/92/159 160 161
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สังโยชนสูตร
[๑๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมเป็นเหตุแห่งสังโยชน์และสังโยชน์
เธอทั้งหลายจงฟัง ก็ธรรมที่เป็นเหตุแห่งสังโยชน์และสังโยชน์เป็นไฉนธรรมที่เป็นเหตุแห่ง
สังโยชน์และสังโยชน์นั้น คือ จักษุเป็นธรรมอันเป็นเหตุแห่งสังโยชน์ ความกำหนัดด้วย
อำนาจความพอใจในจักษุนั้น เป็นสังโยชน์ในจักษุนั้น ฯลฯ ใจเป็นธรรมอันเป็นเหตุแห่งสังโยชน์
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจในใจนั้น เป็นสังโยชน์ในใจนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า ธรรมเป็นเหตุแห่งสังโยชน์และสังโยชน์ ฯ
จบสูตรที่ ๖
อุปาทานสูตร
[๑๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมเป็นเหตุแห่งอุปาทานและอุปาทาน เธอ
ทั้งหลายจงฟัง ก็ธรรมที่เป็นเหตุแห่งอุปาทานและอุปาทานเป็นไฉน ธรรมที่เป็นเหตุแห่ง
อุปาทาน ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจในจักษุนั้น เป็นอุปาทานในจักษุนั้น ฯลฯ ใจเป็น
ธรรมอันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจในใจนั้น เป็นอุปาทานในใจ
นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า ธรรมเป็นเหตุแห่งอุปาทานและอุปาทาน ฯ
จบสูตรที่ ๗
อปริชานสูตรที่ ๑
[๑๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลไม่รู้ยิ่ง ไม่กำหนดรู้ ไม่หน่าย ไม่ละจักษุ ย่อมไม่
ควรเพื่อความสิ้นทุกข์ ฯลฯ บุคคลไม่รู้ยิ่ง ไม่กำหนดรู้ ไม่หน่ายไม่ละใจ ย่อมไม่ควรเพื่อความ