พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/97/352 353
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระพุทธเจ้าเป็นต้นผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ผู้ดำเนินปฏิปทาอันชอบ
ย่อมไม่เข้าไปใกล้ยัญนั้น ฯ
ส่วนยัญใด มีการตระเตรียมน้อย ไม่มีการฆ่า แพะ แกะโค และ
สัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งบุคคลบูชาสืบตระกูลทุกเมื่อพระพุทธเจ้าเป็นต้น
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้ดำเนินปฏิปทาอันชอบ ย่อมเข้าไปใกล้ยัญ
นั้น ฯ
ผู้มีปัญญาควรบูชายัญนั้น ยัญนั้นเป็นยัญมีผลมาก เมื่อบุคคลบูชา
ยัญนั้นนั่นแหละ ย่อมมีแต่ความดี ไม่มีความชั่วช้าเลวทราม ยัญก็
เป็นยัญอย่างไพบูลย์ และเทวดาย่อมเลื่อมใส ฯ
พันธนสูตรที่ ๑๐
[๓๕๒] ก็โดยสมัยนั้นแล หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลให้จองจำ ไว้แล้ว บาง
พวกถูกจองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวกถูก จองจำด้วยโซ่ตรวน ฯ
ครั้งนั้นแล ภิกษุหลายรูปครองผ้าเรียบร้อยแล้วในเวลาเช้าถือบาตและจีวร เข้าไปสู่พระ
นครสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต ครั้นกลับจากบิณฑบาตในเวลาหลัง ภัตตาหารแล้ว เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายบังคพระผู้มีพระภาค แล้วได้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ฯ
พวกภิกษุเหล่านั้นนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลใหจองจำไว้แล้ว บางพวกถูก
จองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวก ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน ฯ
[๓๕๓] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงได้ ตรัสพระคาถา
เหล่านี้ในเวลานั้นว่า
นักปราชญ์ทั้งหลายไม่ได้กล่าวเครื่องจองจำที่ทำด้วยเหล็ก ทำด้วยไม้
และทำด้วยหญ้า (เชือก) ว่าเป็นเครื่องจองจำที่มั่นนักปราชญ์ทั้งหลาย