พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/99/104 105
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
คนเห็นกันมามากว่า ไปยังพระวิหารเชตวันเนืองๆเมื่อนั้น ได้จ้างพวกนักเลงให้ปลงชีวิตนาง
สุนทรีปริพาชิกานั้นเสีย แล้วหมกไว้ในคูรอบพระวิหารเชตวันนั้นเอง แล้วพากันเข้าไปเฝ้า
พระเจ้าปเสนทิโกศลถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ขอถวายพระพร นางสุนทรีปริพาชิกา
อาตมภาพทั้งหลายมิได้เห็น พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสถามว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายสงสัยในที่
ไหนเล่า ฯ
อัญ. ในพระวิหารเชตวัน ขอถวายพระพร ฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น พระคุณเจ้าทั้งหลายจงค้นพระวิหารเชตวัน ฯ
ครั้งนั้น พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น ค้นทั่วพระวิหารเชตวันแล้วขุดศพนาง
สุนทรีปริพาชิกาตามที่ตนสั่งให้หมกไว้ขึ้นจากคู ยกขึ้นสู่เตียงแล้วให้นำไปสู่พระนครสาวัตถี
เดินทางจากถนนนี้ไปถนนโน้น จากตรอกนี้ไปตรอกโน้น แล้วให้พวกมนุษย์โพนทะนาว่า เชิญดู
กรรมของเหล่าสมณศากยบุตรเถิดนาย สมณศากยบุตรเหล่านี้ไม่มีความละอาย ทุศีล มีธรรม
เลวทราม พูดเท็จ ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ก็สมณศากยบุตรเหล่านี้ถึงจักปฏิญาณว่า เป็นผู้
ประพฤติธรรม ประพฤติสม่ำเสมอประพฤติพรหมจรรย์ พูดจริง มีศีล มีธรรมอันงาม ความ
เป็นสมณะของสมณศากยบุตรเหล่านี้หามีไม่ ความเป็นพรหมของสมณศากยบุตรเหล่านี้หามีไม่
ความเป็นสมณะของสมณศากยบุตรเหล่านี้ฉิบหายเสียแล้ว ความเป็นพรหมของสมณศากยบุตร
เหล่านี้ฉิบหายเสียแล้วความเป็นสมณะของสมณศากยบุตรเหล่านี้จักมีแต่ไหน ความเป็นพรหม
ของสมณศากยบุตรเหล่านี้จักมีแต่ไหน สมณศากยบุตรเหล่านี้ปราศจากความเป็นสมณะ สมณ
ศากยบุตรเหล่านี้ปราศจากความเป็นพรหม ก็ไฉนเล่า บุรุษกระทำกิจของบุรุษแล้วจักปลงชีวิต
หญิงเสีย ฯ
[๑๐๔] ก็สมัยนั้นแล มนุษย์ทั้งหลายในพระนครสาวัตถี เห็นภิกษุทั้งหลายแล้ว ย่อม
ด่า ย่อมบริภาษ ขึ้งเคียดเบียดเบียน ด้วยวาจาอันหยาบคายมิใช่ของสัตบุรุษว่า สมณศากยบุตร
เหล่านี้ไม่มีความละอาย ... ก็ไฉนเล่า บุรุษกระทำกิจของบุรุษแล้วจะปลงชีวิตหญิงเสีย ฯ
[๑๐๕] ครั้งนั้นแล เวลาเช้า ภิกษุมากด้วยกันครองผ้าอันตรวาสกถือบาตรและจีวร
เข้าไปบิณฑบาตยังพระนครสาวัตถี ครั้นกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่งอยู่ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ มนุษย์ทั้งหลายในพระนครสาวัตถี เห็นภิกษุทั้งหลาย
แล้วย่อมด่า ...ก็ไฉนเล่า บุรุษกระทำกิจของบุรุษแล้วจักปลงชีวิตหญิงเสีย พระผู้มีพระภาคตรัส
ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เสียงนั่นจักมีอยู่ไม่นาน จักมีอยู่ ๗ วันเท่านั้น ล่วง ๗ วันไปแล้วก็จัก