นิพพานอธิวจนะ
[คำว่า “นิพพาน” ในข้อความในสูตรอื่น ๆ เป็นอันมาก ได้ทรงแสดงไว้ด้วยอธิวจนะคือคำแทนชื่อต่าง ๆ กัน และมีเรื่องที่จะพึงศึกษาและปฏิบัติอย่างเดียวกัน คือทรงแสดงไว้ด้วยคำว่า :
อสังขตะ (ธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง หรือปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้)
อนตะ (ธรรมที่ไม่น้อมไปในสิ่งใด หรือสิ่งใดน้อมไปไม่ได้)
อนาสวะ (ไม่มีอาสวะอันเป็นสิ่งเศร้าหมองโดยประการทั้งปวง)
สัจจะ (ของจริงเพียงสิ่งเดียว ไม่มีสิ่งที่สองเทียบ)
ปาระ (ฝั่งนอกที่กิเลสและทุกข์ตามไปไม่ถึง)
นิปุณะ (สิ่งละเอียดอ่อนสำหรับการศึกษาและปฏิบัติ ไม่มีสิ่งใดยิ่งกว่า)
สุทุททสะ (อันผู้ไม่สิ้นอาสวะเห็นได้ยากที่สุด)
อชัชชระ (ไม่มีความคร่ำคร่าลงโดยประการทั้งปวง)
ธุวะ (ยั่งยืนมั่นคงไม่แปรผัน)
อปโลกินะ (เป็นที่จ้องมองแห่งสัตว์เพื่อการบรรลุถึง)
อนิทัสสนะ (ไม่มีการแสดงออกทางวัตถุ หรือทางตา ; ผู้อื่นพลอยเห็นด้วยไม่ได้)
นิปปปัญจะ (ไม่มีเครื่องกีดกั้นให้เนินช้าเพราะว่างจากกิเลส)
สันตะ (สงบระงับจากการปรุงแต่งเสียดแทงเผาลน)
อมตะ (ไม่ตายเพราะไม่มีการเกิด เพราะไม่อยู่ในอำนาจเหตุปัจจัย)
ปณีตะ (ประณีตละเอียด เพราะพ้นไปจากความเป็นรูปธรรมและนามธรรม)
สิวะ (สงบเย็นเพราะไม่มีไฟกิเลสและไฟทุกข์)
เขมะ (เกษมจากสิ่งรบกวนทุกชนิด)
ตัณหักขยะ (เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา หรือภาวะสิ้นสุดแห่งตัณหา)
อัจฉริยะ (น่าอัศจรรย์ ไม่มีสิ่งใดน่าอัศจรรย์เท่า)
อัพภุตะ (ประหลาดควรนำมาบอกกล่าวในฐานะสิ่งที่ไม่เคยบอกกล่าว)
อนีติกะ (ไม่มีเสนียดจัญไร เพราะพ้นดีพ้นชั่ว)
อนีติกธัมมะ (มีปกติภาวะไม่มีเสนียดจัญไรเป็นธรรมดา)
อัพ๎ยาปัชฌะ (ไม่มีความเบียดเบียนเป็นสภาวะ)
วิราคะ (ไม่มีความย้อมติดในสิ่งใด มีแต่จะทำให้คลายออก)
สุทธิ (บริสุทธิ์หมดจด เพราะไม่มีที่ตั้งแห่งความเศร้าหมอง)
มุตติ (เป็นความปล่อยความหลุดจากความยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน)
อนาลยะ (ไม่เป็นที่ตั้งที่อาศัยแห่งกิเลสและความทุกข์)
ทีปะ (เป็นดวงประทีปที่พึ่งของสัตว์ผู้ตกจมอยู่ในความมืดคืออวิชชา)
เลณะ (เป็นเสมือนที่หลบซ่อนจากภัยของสัตว์ผู้หนีภัย)
ตาณะ (เป็นเสมือนที่ต้านทานของสัตว์ผู้แสวงหาที่ต้านทานข้าศึกศัตรู)
สรณะ (เป็นที่แล่นไปสู่แห่งจิตที่รู้สึกว่ามีภัยต้องการที่พึ่ง)
ปรายนะ (เป็นเป้าหมายในเบื้องหน้าแห่งสัตว์ผู้เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ).
คำแทนชื่อกันและกันชนิดนี้ ในบาลีท่านเรียกว่า อธิวจนะ ในที่นี้เป็นอธิวจนะของคำว่า นิพพาน ].
สฬา. สํ. ๑๘/๔๔๑-๔๔๒, ๔๕๐-๔๕๓/๖๗๔-๖๘๔, ๗๒๐-๗๕๑.
ยาถ่ายและยาสำรอกความเกิด - แก่ – ตาย
ภิกษุ ท. ! แพทย์ทั้งหลาย ย่อมให้ยาถ่ายเพื่อกำจัดโรค ที่มีดีเป็นสมุฏฐานบ้าง ที่มีเสมหะเป็นสมุฏฐานบ้าง ที่มีลมเป็นสมุฏฐานบ้าง. ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ยาถ่ายชนิดนั้น มีอยู่ มิใช่ไม่มี แต่ว่ายาถ่ายชนิดนั้น บางทีก็มีผล บางทีก็ไม่มีผล.
ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง ยาถ่ายอันเป็นอริยะ (อริยวิเรจน) อันเป็นยาถ่ายมีผลโดยส่วนเดียว ไม่มีที่จะไม่ให้ผล อันเป็นยาถ่ายซึ่งอาศัยแล้วสัตว์ที่มีความเกิดเป็นธรรมดาจะพ้นจากความเกิด ที่มีความแก่เป็นธรรมดาจะพ้นจากความแก่ ที่มีความตายเป็นธรรมดาจะพ้นจากความตาย สัตว์ที่มีโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลายเป็นธรรมดาจะพ้นจากโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย. พวกเธอจงฟัง จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว.
ภิกษุ ท. ! ยาถ่ายอันเป็นอริยะ อันให้ผลโดยส่วนเดียว ไม่มีเสียผลเลย อันสัตว์อาศัยแล้ว จักพ้นจากชาติ ฯลฯ ได้นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! มิจฉาทิฏฐิ อัน สัมมาทิฏฐิกบุคคลระบายออกได้แล้ว ; กล่าวคือ บาปอกุศลธรรมเป็นอเนกเกิดขึ้นเพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัยเหล่าใดบาปอกุศลธรรมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาระบายออกได้แล้ว และกุศลธรรมเป็นอเนก ที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์.
ภิกษุ ท. ! มิจฉาสังกัปปะ อัน ผู้มีสัมมาสังกัปปะระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาวาจา อัน ผู้มีสัมมาวาจาระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉากัมมันตะ อัน ผู้มีสัมมากัมมันตะระบายออกได้ แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาอาชีวะ อัน ผู้มีสัมมาอาชีวะระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาวายามะ อัน ผู้มีสัมมาวายามะระบายออกได้แล้ว ....ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาสติ อัน ผู้มีสัมมาสติระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาสมาธิ อัน ผู้มีสัมมาสมาธิระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาญาณะ อัน ผู้มีสัมมาญาณะระบายออกได้แล้ว .... ฯลฯ ....
ภิกษุ ท. ! มิจฉาวิมุตติ อัน ผู้มีสัมมาวิมุตติระบายออกได้แล้ว ; กล่าวคือ บาปอกุศลธรรมเป็นอเนกเกิดขึ้นเพราะมิจฉาวิมุตติเป็นปัจจัยเหล่าใดบาปอกุศลธรรมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาระบายออกได้แล้ว และกุศลธรรมเป็นอเนก ที่มีสัมมาวิมุตติเป็นปัจจัย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์.
ภิกษุ ท. ! นี้แล ยาถ่ายอันเป็นอริยะ (รวม ๑๐ ประการ) อันเป็นยาถ่ายมีผลโดยส่วนเดียว ไม่มีที่จะไม่ให้ผล อันเป็นยาถ่ายซึ่งอาศัยแล้ว สัตว์ที่มีความเกิดเป็นธรรมดาจะพ้นจากความเกิด ที่มีความแก่เป็นธรรมดาจะพ้นจากความแก่ ที่มีความตายเป็นธรรมดาจะพ้นจากความตาย สัตว์ที่มีโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลายเป็นธรรมดาจะพ้นจากโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย.