โอวาทแห่งการทำสติ เมื่อถูกติหรือถูกชม
โอวาทแห่งการทำสติ เมื่อถูกติหรือถูกชม
ก. ฝ่ายถูกติ
ภิกษุ ท. ! จะพึงมีฝ่ายตรงข้ามติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียน สงฆ์, ในกรณีเช่นนี้ เธอทั้งหลายไม่พึงทำความอาฆาต เกลียดชัง เจ็บใจ ในชนเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! จะพึงมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียน สงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น ถ้าเธอทั้งหลายจักโกรธ ไม่พอใจ ในชนเหล่านั้นแล้ว ไซร้ อันตรายจะมีแก่เธอเพราะเหตุนั้น.
ภิกษุ ท. ! จะพึงมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียน สงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น ถ้าเธอทั้งหลายจักโกรธ ไม่พอใจ ในชนเหล่านั้นแล้วไซร้ เธอจะรู้ได้ไหมว่า คำกล่าวของเขานั้นเป็นสุภาษิตหรือทุพภาษิต ? “ไม่มีทาง ที่จะรู้ได้เลย พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! จะพึงมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม ติเตียน สงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงแถลงให้เห็นเรื่องไม่จริง โดยความเป็นเรื่องไม่จริง ว่า “นี้ไม่จริงเพราะเหตุนี้ๆ นี่ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะเหตุนี้ๆ สิ่งอย่างนี้ไม่มีใน พวกเรา สิ่งชนิดนั้นหาไม่ได้ในพวกเรา” ดังนี้.
ข. ฝ่ายถูกชม
ภิกษุ ท. ! หรือว่า จะมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวสรรเสริญเรา สรรเสริญ ธรรม สรรเสริญสงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น เธอทั้งหลายไม่พึงกระทำความเพลิดเพลิน ยินดี ไม่พึงกระทำความตื่นเต้นแห่งใจ ในคำกล่าวสรรเสริญนั้น.
ภิกษุ ท. ! จะมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวสรรเสริญเรา สรรเสริญธรรม สรรเสริญสงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น ถ้าเธอทั้งหลายจักทำความเพลิดเพลิน ยินดีมีความตื่นเต้นแห่งใจ แล้วไซร้ อันตรายจะมีแก่เธอเพราะเหตุนั้น.
ภิกษุ ท. ! จะมีฝ่ายตรงข้ามกล่าวสรรเสริญเรา สรรเสริญธรรม สรรเสริญสงฆ์, ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงกระทำให้เขาทราบเรื่องจริงโดยความเป็นเรื่องจริง ว่า “นี่จริงเพราะเหตุนี้ๆ นี่เป็นอย่างนั้นเพราะเหตุนี้ๆ สิ่งอย่างนี้มีอยู่ ในพวกเรา สิ่งชนิดนั้นหาได้ในพวกเรา” ดังนี้.