อริยสัจสี่ มีสามรอบ มีสิบสองอาการ
๑. ภิกษุ ท. ! ดวงตา, ญาณ, ปัญญา, วิชชา, และแสงสว่างของเราได้เกิดขึ้นแล้ว ในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า ๑. นี้เป็นความจริงอันประเสริฐคือทุกข์, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์นี้ ควรกำหนดรอบรู้, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์นี้ เราได้กำหนดรอบรู้แล้ว.
๒. ภิกษุ ท. ! ดวงตา, ฯลฯ แสงสว่างของเรา ได้เกิดขึ้นแล้วในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า ๑. นี้เป็นความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์นี้ ควรละเสีย, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์นี้ เราได้ละเสียแล้ว.
๓. ภิกษุ ท. ! ดวงตา, ฯลฯ แสงสว่างของเรา ได้เกิดขึ้นแล้วในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า ๑. นี้เป็น ความจริงอันประเสริฐคือความดับไม่เหลือของทุกข์, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือ
ของทุกข์ นี้ ควรทำให้แจ้ง, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือ ของทุกข์ นี้ เราได้ทำให้แจ้งแล้ว.
๔. ภิกษุ ท. ! ดวงตา, ฯลฯ แสงสว่างของเรา ได้เกิดขึ้นแล้วในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า ๑. นี้เป็น ความจริงอันประเสริฐคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ นี้ ควรทำให้เจริญ, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์นี้ เราได้ ทำให้เจริญแล้ว.
ภิกษุ ท. ! ตลอดเวลาที่ ปัญญาเครื่องรู้เห็นตามเป็นจริง ในอริยสัจสี่อันมีรอบสาม มีอาการสิบสอง เช่นนี้ ยังไม่บริสุทธิ์สะอาดด้วยดี, เราก็ยังไม่ปฏิญญา ว่า ได้ตรัสรู้ รู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อยู่เพียงนั้น. เมื่อใด บริสุทธิ์สะอาดด้วยดี, เมื่อนั้น เราก็ ปฏิญญาว่า ได้ตรัสรู้ รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๙-๕๓๐/๑๖๖๖-๑๖๗๐.
อริยสัจสี่ เนื่องกันจนเห็นแต่อริยสัจเดียวไม่ได้
ท่านผู้มีอายุ ท. ! ข้าพเจ้าได้รับฟังเรื่องนี้มาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ภิกษุ ท. ! ผู้ใดเห็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมเห็นแม้ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ผู้ใดเห็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, ผู้นั้น ย่อมเห็นแม้ซึ่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ผู้ใดเห็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, ผู้นั้น ย่อมเห็นแม้ซึ่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
ผู้ใดเห็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, ผู้นั้น ย่อมเห็นแม้ซึ่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ ย่อมเห็นแม้ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.” ดังนี้ แล.