สมัยที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำความเพียร
ภิกษุ ท. ! สมัยที่ไม่สมควรแก่การกระทำความเพียร ๕ อย่าง เหล่านี้มีอยู่. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ :
๑. ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ ชรา ถูกความชราครอบงำแล้ว. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ ๑ ที่ไม่สมควรกระทำความเพียร.
๒. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุเป็นผู้ เจ็บไข้ ถูกความเจ็บไข้ ครอบงำแล้ว. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ ๒ ที่ไม่สมควรกระทำความเพียร.
๓. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : เป็นสมัย ทุพภิกขภัย ข้าวกล้าเสียหาย บิณฑะ (ก้อนข้าว) หาได้ยาก ไม่เป็นการสะดวกที่จะเป็นอยู่ตามสบาย. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ ๓ ที่ไม่สมควรกระทำความเพียร.
๔. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : เป็นสมัยที่มีภัย มีการกำเริบในป่าดง ประชาชนขึ้นล้อเลื่อนหนีไป. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ ๔ ที่ไม่สมควรกระทำความเพียร.
๕. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : เป็นสมัยที่ สงฆ์แตกกัน เมื่อสงฆ์แตกกันก็มีการด่ากันและกัน บริภาษกันและกัน ใส่ความกันและกัน ทอดทิ้งกันและกัน. ในที่นั้น ๆ ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสก็ไม่เลื่อมใส ผู้ที่เคยเลื่อมใสก็เปลี่ยนไปโดยประการอื่น. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ ๕ ที่ไม่สมควรกระทำความเพียร.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล เป็นสมัยที่ไม่สมควรกระทำความเพียร ๕ อย่าง.
ภิกษุ ท . ! สมัยที่สมควรกระทำความเพียร ๕ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ :
๑. ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ หนุ่มแน่นกำยำ มีผมดำสนิท ประกอบด้วยความหนุ่มอันเจริญปฐมวัย. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่หนึ่ง ที่สมควรกระทำความเพียร.
๒. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย มีไฟธาตุสำหรับย่อยอาหารที่ย่อยได้สม่ำเสมอ ปานกลาง ไม่ร้อนเกิน ไม่เย็นเกิน พอควรแก่การบำเพ็ญเพียร. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่สอง ที่สมควรกระทำความเพียร.
๓. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : เป็นสมัยที่ ภิกษาหาง่าย ข้าวกล้า ไม่เสียหาย บิณฑะ (ก้อนข้าว) หาได้ง่าย เป็นการสะดวกที่จะเป็นอยู่ตามสบาย. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่สาม ที่สมควรกระทำความเพียร.
๔. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : มนุษย์ทั้งหลายสมัครสมานชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาทกัน เข้ากันได้ดุจดั่งนมผสมกับน้ำ มองดูกันและกันด้วยสายตาแห่งคนที่รักใคร่กัน เป็นอยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่สี่ ที่สมควรกระทำความเพียร.
๕. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : สงฆ์สามัคคี ปรองดองกัน ไม่วิวาท กัน มีอุเทสเดียวกัน อยู่เป็นผาสุก; เมื่อสงฆ์สามัคคีกันก็ไม่มีการด่ากันและกัน ไม่มีบริภาษกันและกัน ไม่ใส่ความกันและกัน ไม่ทอดทิ้งกันและกันในที่นั้นๆ ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสก็เลื่อมใส ผู้ที่เคยเลื่อมใสก็มีความเลื่อมใสยิ่งๆขึ้นไป. ภิกษุ ท. ! นี้เป็น สมัยที่ห้า ที่เกื้อกูลสมควรกระทำความเพียร.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล สมัยที่สมควรกระทำความเพียรห้าอย่าง.