อุปาทานขันธ์ = ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ โดยสรุปได้แก่ ทุกขสัจ ; อวิชชา และภวตัณหา ได้แก่ สมุทัยสัจ ; วิชชา คือความรู้แจ้งวิมุตติ คือความหลุดพ้น ได้แก่ นิโรธสัจ; สมถะคืออุบายสงบใจเป็นสมาธิ วิปัสสนา คืออุบายให้เห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง ได้แก่ มรรคสัจ ; จึง กล่าวว่าเป็นไวพจน์ของจตุราริยสัจ ในที่นี้. - ผู้รวบรวม.
ไวพจน์ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง)
(ทรงแสดงด้วยคำว่า อันตะ)
ภิกษุ ท. ! อันตะ ๔ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ อันตะคือสักกายะ อันตะคือสักกายสมุทัย อันตะคือสักกายนิโรธ อันตะคือสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา.
ภิกษุ ท. ! อันตะคือสักกายะ เป็นอย่างไรเล่า ? ควรจะกล่าวว่าได้แก่ อุปาทานขันธ์ห้า. ห้าอย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ รูปูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ สัญญูปาทานขันธ์ สังขารูปาทานขันธ์ วิญญาณูปาทานขันธ์ ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อันตะคือสักกายะ.
ภิกษุ ท. ! อันตะคือสักกายสมุทัย เป็นอย่างไรเล่า ? คือตัณหาอันเป็นเครื่องทำให้มีการเกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลินมีปกติทำให้เพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ ; ได้แก่ตัณหาเหล่านี้คือ กามตัณหาภวตัณหา วิภวตัณหา. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อันตะคือสักกายสมุทัย.
ภิกษุ ท. ! อันตะคือสักกายนิโรธ เป็นอย่างไรเล่า ? คือความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ ความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อย ความทำไม่ให้มีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นแหละ. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อันตะคือ สักกายนิโรธ.
ภิกษุ ท. ! อันตะคือสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า ? คือ หนทางอันประเสริฐ ซึ่งประกอบด้วยองค์แปดประการนี้เอง กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อันตะคือ สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา.
ภิกษุ ท. ! อันตะ ๔ อย่าง เหล่านี้แล.