พุทธธัมมเจดีย์อริยสัจจากพระโอษฐ์

พิมพ์คำค้นหาแล้วกดส่ง

อริยสัจจากพระโอษฐ์ > ภาค ๓ > นิทเทศ 11 ว่าด้วย ผู้ดับตัณหา > ผู้ลอกคราบทิ้งแล้ว
«
»

หน้า:

ผู้ลอกคราบทิ้งแล้ว

ปรับขนาด: 16px

-ผู้ลอกคราบทิ้งแล้ว

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปข้างหน้า ไม่วกอ้าวมาข้างหลัง๑ ล่วงพ้นธรรมเป็นเหตุให้เนิ่นช้า๒ นี้เสียได้ทั้งสิ้น ; ผู้นั้น เป็น

๑. แล่นไปทางหน้า ด้วยอำนาจภวตัณหาเพื่อมีภพใหม่. แล่นวกไปทางหลัง ด้วยอำนาจกามตัณหาที่อาลัยในกามคุณ.

๒. ธรรมเป็นเหตุให้เนิ่นช้า ได้แก่กิเลสตัณหา มานะ ทิฏฐิ ที่ทำให้คลานต้วมเตี้ยมอยู่ในภพไม่ออกไปสู่นิพพานอันปราศจากภพ.

ภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก๓ เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้วฉะนั้น.

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปทางหน้า ไม่วกอ้าวมาทางหลังรู้ว่า ในโลกนี้ สิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแห่งตถา๔ ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปทางหน้า ไม่วกอ้าวมาทางหลัง เป็นผู้ปราศจากโลภะ เพราะรู้ว่าสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแห่งตถา ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปทางหน้า ไม่วกอ้าวมาทางหลัง เป็นผู้ปราศจากราคะ เพราะรู้ว่าสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแห่งตถา ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคาบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปทางหน้า ไม่วกอ้าวทางหลัง เป็นผู้ปราศจากโทสะ เพราะรู้ว่าสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแห่งตถา ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

๓. ฝั่งในฝั่งนอก หมายถึงความคิดที่ถือมั่นว่ามีในมีนอก ไม่เป็นไปตามกฎแห่งอิทัปปัจจยตาหรือมัชฌิมาปฏิปทา.

๔. ปราศจากสัจจะแห่งตถาคือ ไม่สามารถมีความเป็นอสังขตะ หรือความคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง.

ผู้ใด ไม่แล่นอ้าวไปข้างหน้า ไม่วกอ้าวมาทางหลัง เป็นผู้ปราศจากโมหะ เพราะรู้ว่าสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแห่งตถา ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

อนุสัยไร ๆ ของผู้ใด ไม่มี เพราะถอนเสียได้ซึ่งมูลราก อันเป็นอกุศลทั้งหลาย ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้ว ทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

กิเลสอันเป็นเหตุให้เกิดความกระวนกระวายไร ๆ ของผู้ใดไม่มีเพื่อเป็นปัจจัยแห่งการมาสู่ฝั่งใน ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

กิเลสเป็นเหตุให้เกิดความรกทึบเพียงดังป่ารกไร ๆ ของผู้ใดไม่มีเพื่อสำเร็จแก่ความเป็นเหตุแห่งภพอันเป็นเครื่องผูกพัน ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

ผู้ใด ละนิวรณ์ทั้งห้าแล้ว ไม่มีความคับแค้น ข้ามความสงสัยเสียได้ ปราศจากสิ่งเสียบแทงแห่งจิต ; ผู้นั้น เป็นภิกษุ สลัดทิ้งเสียได้แล้วทั้งฝั่งในและฝั่งนอก เหมือนงูทิ้งคราบเก่าอันคร่ำคร่าไปแล้ว ฉะนั้น.

เสียงอ่าน
อาจิต โตเกียรติรุ่งเรือง:
1183-ผู้ลอกคราบทิ้งแล้ว.mp3

อ้างอิง
ไทย: - สุตฺต. ขุ. 25/325/294.
บาลี: - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๓๒๕/๒๙๔.

AI ช่วยอ่าน

กรุณาคัดลอกและวางพระสูตรในช่องนี้เพื่อฟังเสียง

×

สารบัญหนังสือ