(เมื่อขยายความหมายของคำว่าอาชีวะกว้างออกไปเป็นการดำรงชีพชอบ ความสันโดษในปัจจัยเครื่องอาศัยของชีวิต ก็มีลักษณะแห่งการดำรงชีพชอบด้วยเหมือนกัน, ผู้รวบรวมเรื่องนี้ จึงนำเรื่องความสันโดษมาใส่ไว้ในหมวดนี้ด้วย).
แม้อยู่ป่า ก็ยังต่างกันหลายความหมาย
ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้ถือ การอยู่ป่าเป็นวัตร ๕ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่. ห้าจำพวก อย่างไรเล่า ? ห้าจำพวกคือ อยู่ป่าเพราะความโง่ เพราะความหลง ๑ อยู่ป่าเพราะเป็นผู้ปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาครอบงำ ๑ อยู่ป่าเพราะจิตฟุ้งซ่านจนหลงใหล ๑ อยู่ป่าเพราะคิดว่า พระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้าสรรเสริญ ๑ เป็นผู้อยู่ป่าเพราะอาศัยความปรารถนาน้อยโดยตรง เพราะอาศัยความสันโดษโดยตรง เพราะอาศัยความขัดเกลากิเลสโดยตรง เพราะอาศัยปวิเวกโดยตรง เพราะอาศัยความต้องการเช่นนั้นโดยตรง ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ๕ จำพวก.
ภิกษุ ท. ! ในบรรดาภิกษุผู้ถือการอยู่ป่า ๕ จำพวกเหล่านี้ พวกที่อยู่ป่าเพราะอาศัยความปรารถนาน้อยโดยตรง เพราะอาศัยความสันโดษโดยตรง เพราะอาศัยความขัดเกลากิเลสโดยตรง เพราะอาศัยปวิเวกโดยตรง เพราะอาศัยความต้องการเช่นนั้นโดยตรง นี้เป็นพวกที่เลิศ ประเสริฐ เด่น สูงสุด ประเสริฐกว่าทั้งหมด แห่งภิกษุ
ผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ๕ จำพวกเหล่านี้. เปรียบเหมือนนมสดได้มาจากแม่โค นมส้มได้มาจากนมสด เนยข้นได้มาจากนมส้ม เนยใสได้มาจากเนยข้น หัวเนยใสได้มาจากเนยใส. ในบรรดารสเกิดแต่แม่นมโคทั้งหลายเหล่านั้น หัวเนยใสปรากฏว่าเป็นของเลิศ, ฉันใดก็ฉันนั้น.
(ต่อจากนี้ ได้ตรัสถึงธุดงควัตรข้ออื่นๆ เช่น การถือผ้าบังสกุล อยู่โคนไม้ อยู่ป่าช้า อยู่กลางแจ้ง ไม่นอน อยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดให้ ฉันหนเดียว ไม่ฉันอาหารที่นำมาถวายเมื่อลงมือฉันแล้ว และการบิณฑบาตเป็นวัตร ว่ามีทั้งชนิดงมงาย หลอกลวง และบริสุทธิ์ ครบทั้งห้าจำพวกด้วยกันทั้งนั้น; ผู้ที่นับถือบูชาแก่ภิกษุผู้ถือธุดงค์พึงสังวรไว้ โดยนัยนี้).