บุคคลเกี่ยวกับเนกขัมมะ ๔ ประเภท
ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวก เหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สี่จำพวก อย่างไรเล่า ? สี่จำพวก คือ กายออกแต่จิตไม่ออก กายไม่ออกแต่จิตออก กายก็ไม่ออกจิตก็ไม่ออก กายก็ออกจิตก็ออก.
ภิกษุ ท. ! บุคคลที่ชื่อว่า กายก็ออกแต่จิตไม่ออก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าทึบ,
ในที่นั้น ๆ เขา วิตกซึ่งกามวิตกบ้าง ซึ่งพ๎ยาปาทวิตกบ้าง ซึ่งวิหิงสาวิตกบ้าง.
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล บุคคลที่กายออกแต่จิตยังไม่ออก.
ภิกษุ ท. ! บุคคลที่ชื่อว่า กายไม่ออกแต่จิตออก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ไม่ได้เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าทึบ, ในที่นั้น ๆ เขา วิตกซึ่งเนกขัมมวิตกบ้าง ซึ่งอัพ๎ยาปาทวิตกบ้าง ซึ่งอวิหิงสาวิตกบ้าง. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล บุคคลที่กายไม่ออกแต่จิตออก.
ภิกษุ ท. ! บุคคลที่ชื่อว่า กายก็ไม่ออกจิตก็ไม่ออก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ไม่ได้เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าทึบ, ในที่นั้น ๆ เขา วิตกซึ่งกามวิตกบ้าง ซึ่งพ๎ยาปาทวิตกบ้าง ซึ่งวิหิงสาวิตกบ้าง. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล บุคคลที่กายก็ไม่ออกจิตก็ยังไม่ออก.
ภิกษุ ท. ! บุคคลที่ชื่อว่า กายก็ออกจิตก็ออก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าทึบ, ในที่นั้น ๆ เขา วิตกซึ่งเนกขัมมวิตกบ้าง ซึ่งอัพ๎ยาปาทวิตกบ้าง ซึ่งอวิหิงสาวิตกบ้าง. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล บุคคลที่กายก็ออกจิตก็ออก.
ภิกษุ ท. ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.