วิตกโดยปริยายสองอย่าง(เพื่อนิพพาน - ไม่เพื่อนิพพาน)
(เพื่อนิพพาน - ไม่เพื่อนิพพาน)
ภิกษุ ท. ! อกุศลวิตก ๓ อย่าง เหล่านี้ เป็นเครื่องกระทำให้มืดบอด ไม่เป็นเครื่องกระทำให้เกิดจักษุ ไม่เป็นเครื่องกระทำให้เกิดญาณ กระทำซึ่งความดับแห่งปัญญา เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน. สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ กามวิตก พ๎ยาปาทวิตก วิหิงสาวิตก. ภิกษุ ท. ! อกุศลวิตก ๓ อย่าง เหล่านี้แล เป็นเครื่องกระทำให้มืดบอด ไม่เป็นเครื่องกระทำให้เกิดจักษุ ไม่เป็นเครื่องกระทำให้เกิดญาณ กระทำซึ่งความดับแห่งปัญญา เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน.
๑. คำเหล่านี้ทุกคำ มีความหมายเป็นความแน่วแน่แห่งจิตในอารมณ์ที่จิตกำหนดในรูปแห่งความคิดอย่างใดอย่างหนึ่ง และทำหน้าที่ปรุงแต่งการพูดด้วย คือ ตักกะ = ตริตรึก, วิตักกะ = วิตก, สังกัปปะ = ดำริ, อัปปนา = แน่วแน่, พยัปปนา=แน่วแน่อย่างวิเศษ, เจตโสอภินิโรปนา = งอกงามแห่งความคิดถึงที่สุดของจิต, วจีสังขาร = สิ่งปรุงแต่งการพูด.
ภิกษุ ท. ! กุศลวิตก ๓ อย่าง เหล่านี้ ไม่เป็นเครื่องกระทำให้มืดบอด เป็นเครื่องกระทำให้เกิดจักษุ เป็นเครื่องกระทำให้เกิด ญาณ กระทำซึ่งความเจริญแห่งปัญญา ไม่เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไปเพื่อนิพพาน. สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ เนกขัมมวิตก อัพ๎ยาปาทวิตก อวิหิงสาวิตก. ภิกษุ ท. ! กุศลวิตก ๓ อย่าง เหล่านี้แล ไม่เป็นเครื่องกระทำให้มืดบอด เป็นเครื่องกระทำให้เกิดจักษุ เป็นเครื่องกระทำให้เกิดญาณ กระทำซึ่งความเจริญแห่งปัญญา ไม่เป็น ฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไปเพื่อนิพพาน.
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
พึงวิตกกุศลวิตก ๓ ประการ ไม่พึงทำอกุศลวิตก ๓ ประการ ให้เกิดขึ้น, ท่านระงับวิตกอันแผ่ซ่านเสียได้ เหมือนฝนระงับฝุ่นอันฟุ้งขึ้น. ท่านมีจิตอันสงบจาก วิตก ถึงทับสันติบทในโลกนี้ทีเดียว.