หยุดถือมั่น – หยุดหวั่นไหว
สำหรับปฏิปทาเป็นเครื่องสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมายถึงสิ่งทั้งปวงนี้ ในสูตรถัดไป (๑๘/๒๙/๓๕) ทรงแสดงไว้ด้วยวิธีปฏิบัติอย่างเดียวกันกับที่ทรงแสดงในอนัตตลักขณสูตร อันเป็นสูตรที่ศึกษากันอยู่อย่างแพร่หลาย จึงไม่นำมาแปลใส่ไว้ในที่นี้. โดยใจความนั้นคือพระองค์ตรัสเริ่มด้วยทรงสอบถาม แล้วพระภิกษุทูลตอบ แล้วตรัสว่าอริยสาวกเห็นอย่างนี้แล้ว ย่อมเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้น และเป็นอรหันต์ในที่สุด; ซึ่งชื่อธรรมแต่ละอย่างๆ ที่ทรงยกขึ้นสอบถามนั้น คือ อายตนะภายในหก อายตนะภายนอกหก วิญญาณหก สัมผัสหกและเวทนาหก, รวมเป็นชื่อธรรมที่ทรงยกขึ้นถาม สามสิบ;และทรงเรียกการปฏิบัติระบบนี้ว่า (ปฏิปทาเป็นเครื่องสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมายสิ่งทั้งปวง”). หยุดถือมั่น – หยุดหวั่นไหว
ภิกษุ ท. ! ในกาลใด อวิชชาของภิกษุดับไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว. เพราะอวิชชาหายไป วิชชาเกิดขึ้นนั้นแหละ, ภิกษุนั้น ย่อมไม่ทำความยึดมั่นในกามให้เกิดขึ้น, ไม่ทำความยึดมั่นด้วยทิฏฐิให้เกิดขึ้น, ไม่ทำความยึดมั่นใน ศีล และ วัตร ให้เกิดขึ้น และไม่ทำความยึดมั่นว่าตัวตนให้เกิดขึ้น.
ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่ทำความยึดมั่นทั้งหลายให้เกิดขึ้น ย่อมไม่หวั่นใจไปตามสิ่งใด ๆ, เมื่อไม่หวั่นใจ ย่อมดับสนิทเฉพาะตนโดยแท้. ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว, กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้แล.