เพียงแต่รู้ชัดอริยสัจ สัมมาวายามะยังไม่ใช่ถึงที่สุด
ภิกษุ ท. ! บุคคล ๓ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สามจำพวก เหล่าไหนเล่า ? สามจำพวกคือ คนมีจิตเหมือนแผลกลัดหนอง คนมีจิตเหมือนฟ้าแลบ คนมีจิตเหมือนเพชร.
๑. ภิกษุ ท. ! คนมีจิตเหมือนแผลกลัดหนอง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคนเป็นผู้ มักโกรธ มากด้วยความคับแค้น ถูกเขาว่ากล่าวเพียงเล็กน้อยก็ขัดใจมาก ก็โกรธ พยาบาท ขึ้งเคียด กระทำความโกรธความขัดเคืองให้ปรากฏมากกว่าเหตุ เปรียบเหมือนแผลกลัดหนอง ถูก
กระทบด้วยชิ้นไม้หรือกระเบื้อง ย่อมมีหนองไหลออกเกินประมาณ ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้แล บุคคลผู้มีจิตเหมือนแผลกลัดหนอง.
๒. ภิกษุ ท. ! คนมีจิตเหมือนฟ้าแลบ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อม รู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้ ชั่วขณะ เหมือนบุรุษมีตาตามปกติ เห็นรูปทั้งหลายชั่วขณะฟ้าแลบในราตรีอันมืดมิด ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้แล บุคคลผู้มีจิตเหมือนฟ้าแลบ.
๓. ภิกษุ ท. ! คนมีจิตเหมือนเพชร เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน กระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหา อาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ (อาสวะใดๆเหล่าไหน ที่วิมุตติของท่านจะพึงทำลายไม่ได้นั้นไม่มี) เปรียบเหมือนแก้วมณีหรือหินไร ๆ ที่เพชรจะพึงทำลายไม่ได้นั้น ไม่มี ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้แล บุคคลผู้มีจิตเหมือนเพชร.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล บุคคล ๓ จำพวก ที่มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.