พระอรหันต์คือผู้เป็นเกพลี
(จบพรหมจรรย์แล้ว อยู่โดยปราศจากธรรมห้า แต่ถึงพร้อมด้วยธรรมห้า)
ภิกษุ ท. ! ภิกษุมีองค์ห้าอันละขาดแล้ว และมีองค์ห้าอันประกอบพร้อมแล้ว เรากล่าวว่า เป็น เกพลี (มีไกวัลยธรรม) อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นอุดมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้มีองค์ห้าอันละขาดแล้ว เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ มีกามฉันทะขาดแล้ว มีพยาบาทอันละขาด
แล้ว มีถีนมิทธะอันละขาดแล้ว มีอุทธัจจกุกกุจจะอันละขาดแล้ว มีวิจิกิจฉาอันละขาดแล้ว. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ภิกษุเป็นผู้มีองค์ห้าอันละขาดแล้ว.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้มีองค์ห้าอันประกอบพร้อมแล้ว เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ประกอบพร้อมแล้วด้วยสีลขันธ์อันเป็นอเสขะ ประกอบพร้อมแล้วด้วยสมาธิขันธ์อันเป็นอเสขะ ประกอบพร้อมแล้วด้วยปัญญาขันธ์อันเป็นอเสขะ ประกอบพร้อมแล้วด้วยวิมุตติขันธ์อันเป็นอเสขะ ประกอบพร้อมแล้วด้วยวิมุตติญาณทัสสนขันธ์อันเป็นอเสขะ. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ภิกษุเป็นผู้มีองค์ห้าอันประกอบพร้อมแล้ว.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุมีองค์ห้าอันละขาดแล้ว และมีองค์ห้าอันประกอบพร้อมแล้ว เรากล่าวว่า เป็นเกพลี อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นอุดมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้.
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา ไม่มีแก่ภิกษุโดยประการทั้งปวง ; ภิกษุผู้เช่นนั้น สมบูรณ์ด้วย อเสขสีล อเสขสมาธิ อเสขปัญญา อเสขวิมุตติ และอเสขญาณ. ภิกษุผู้เช่นนั้น สมบูรณ์ด้วยองค์ห้า เว้นขาดจากองค์ห้า. ภิกษุผู้เช่นนั้น ท่านกล่าวว่าเป็น “เกพลี” ในธรรมวินัยนี้.