พุทธธัมมเจดีย์อริยสัจจากพระโอษฐ์

พิมพ์คำค้นหาแล้วกดส่ง

อริยสัจจากพระโอษฐ์ > ภาค ๔ > นิทเทศ 19 ว่าด้วย สัมมาวายามะ > บุพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ--(อีกนัยหนึ่ง)
«
»

หน้า:

บุพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ--(อีกนัยหนึ่ง)

ปรับขนาด: 16px

-ตั้งมั่น” ดังนี้แล้ว, ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ แล้ว ประกอบโยคกรรม๑ เพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป.

บุพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ

(อีกนัยหนึ่ง)

ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของผู้อื่นไซร้, เมื่อเป็น เช่นนั้น เธอพึงทำความสำเหนียกว่า “เราจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตแห่งตน” ดังนี้เถิด.

ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตแห่งตน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนชายหนุ่มหญิงสาว ที่ชอบแต่งตัว ส่องดูเงาหน้าของตนที่แว่นส่องหน้า หรือที่ภาชนะน้ำอันบริสุทธิ์หมดจดใสสะอาด ถ้าเห็นธุลีหรือต่อมที่หน้า ก็พยายามนำธุลีหรือต่อมนั้นออกเสีย ถ้าไม่เห็นธุลีหรือต่อม ก็ยินดีพอใจว่า เป็นลาภหนอ บริสุทธิ์ดีแล้วหนอ, ข้อนี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! การพิจารณาของภิกษุ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือจะมีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลายในเมื่อเธอพิจารณาว่า :

๑. โยคกรรม คือ การกระทำความเพียรอย่างมีระบบ อย่างแข็งขันเต็มที่ ในรูปแบบหนึ่งๆ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมาย เรียกกันง่ายๆว่า โยคะ; เป็นคำกลางใช้กันได้ในระหว่างศาสนาทุกศาสนา.

“เราเป็นผู้ได้เจโตสมถะในภายใน ๑ หรือหนอ; หรือว่า ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน.

เราเป็นผู้ ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา๒ หรือหนอ; หรือว่า ไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา.” ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า “เราเป็นผู้ได้เจโตสมถะใน ภายใน แต่ยังไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา“ ดังนี้แล้ว. ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในเจโตสมถะในภายใน แล้วประกอบโยคกรรมเพื่อการได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. ภิกษุนั้น ครั้นสมัยอื่น ก็เป็นผู้ได้เจโตสมถะในภายในด้วย ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.

ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า “เราเป็นผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาในภายใน แต่ยังไม่ได้เจโตสมถะในภายใน“ ดังนี้แล้ว. ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วประกอบโยคกรรมเพื่อการได้เจโตสมถะในภายใน. ภิกษุนั้น ครั้นสมัยอื่น ก็เป็นผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย ได้เจโตสมถะในภายในด้วย.

ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า “เรายังไม่ได้เจโตสมถะในภายใน ยังไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา“ ดังนี้แล้ว. ภิกษุนั้น พึงกระทำ

๑. คำนี้ หมายถึงความสงบแห่งจิตด้วยอำนาจของสมาธิ ที่เป็นไปถึงที่สุดแห่งขั้นตอนที่อาจใช้เป็นรากฐานแห่งวิปัสสนาได้ เพราะเป็นเรื่องของจิตจึงเรียกว่า เป็นไปในภายใน.

๒. การเห็นแจ้งในธรรมด้วยอำนาจปัญญาอันยิ่ง ถึงขนาดเห็นความจริงในขั้นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แห่งสิ่ง นั้นๆ.

ซึ่งฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า เพื่อได้เฉพาะซึ่งกุศลธรรมทั้งหลายเหล่านั้น นั่นเทียว เช่นเดียวกับบุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว จะพึงกระทำฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ อันแรงกล้า เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุนั้น ครั้นสมัยอื่นอีก ก็ เป็นผู้ได้เจโตสมถะในภายในด้วย ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.

ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า “เราเป็นผู้ได้เจโตสมถะใน ภายใน ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา” ดังนี้แล้ว, ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ แล้วประกอบโยคกรรมเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป.

เสียงอ่าน
อาจิต โตเกียรติรุ่งเรือง:
1663-บุพพภาคแห่งการทำความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ (อีกนัยหนึ่ง).mp3

อ้างอิง
ไทย: - ทสก.อํ. 24/104/54.
บาลี: - ทสก.อํ. ๒๔/๑๐๔/๕๔.

AI ช่วยอ่าน

กรุณาคัดลอกและวางพระสูตรในช่องนี้เพื่อฟังเสียง

×

สารบัญหนังสือ