รูปฌานและอรูปสมาบัติ ยังมิใช่ธรรมชั้นที่เป็นเครื่องขูดเกลา
จุนทะ ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะสงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน
ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่. ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ ปฐมฌานนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่เป็นสุขในทิฎฐธรรม ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่. ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ ทุติยฌานนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่เป็นสุขในทิฎฐธรรม ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้. เข้าถึง ตติย-ฌาน แล้วแลอยู่ ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา“ ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ ตติยฌานนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่เป็นสุขในทิฎฐธรรม ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและ
โทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ จตุตถฌานนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลาในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่เป็นสุขในทิฎฐธรรม ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะผ่านพ้นรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง, เพราะความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งปฏิฆสัญญา, เพราะไม่ได้ทำความในใจซึ่งความกำหนดหมายในภาวะต่างๆ, พึงบรรลุ อากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วแลอยู่. ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ อากาสานัญจายตนะนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่สงบ ใน อริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะผ่านพ้นอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว พึงบรรลุวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วแลอยู่ ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือวิญญาณัญจายตนะ นี้เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลาในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่า เป็นธรรม เครื่องอยู่สงบ ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะ ผ่านพ้นวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว พึงบรรลุ อากิญจัญ
ญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” แล้วแลอยู่. ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ อากิญจัญญายตนะนี้ เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่าเป็นธรรม เครื่องอยู่สงบ ในอริยวินัย.
จุนทะ ! อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เพราะผ่านพ้นนอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว พึงบรรลุ เนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่ ความคิดอาจจะมีแก่เธอนั้น อย่างนี้ว่า “เราอยู่ด้วยธรรมเครื่องขูดเกลา” ดังนี้. จุนทะ ! แต่ธรรมคือ เนวสัญญานาสัญญายตนะนี้เรายังไม่กล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องขูดเกลา ในอริยวินัย ก่อน; กล่าวแต่เพียงว่าเป็นธรรม เครื่องอยู่สงบ ในอริยวินัย.